English
THB

เทรนด์รักษ์โลกแรง‘เชอวู้ด’รุกจับนิวเจน

เทรนด์รักษ์โลกแรง‘เชอวู้ด’รุกจับนิวเจน

ปลื้มกระแสรักษ์โลกแรง “พี.เอส. โมลดิ้ง” เร่งสปีดพัฒนาสินค้าจากวัสดุทดแทนไม้ ลดปัญหาขยะพลาสติก เจาะกลุ่ม Gen X-Y พร้อมขยายตลาดประเทศเพื่อนบ้าน มั่นใจยอดขายเติบโต 20%

    นายปรมัตถ์ เรืองคณะ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท พี.เอส. โมลดิ้ง อินดัสเทรียล จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้านจากวัสดุทดแทนไม้ ภายใต้แบรนด์ “เชอวู้ด และ พีเอชวู้ด” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า นโยบายของบริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าจากวัสดุที่ทดแทนไม้ ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและต่อผู้บริโภค ไม่ก่อให้เกิดเชื้อราหรือกลิ่นจากสารที่ก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย และเป็นสินค้าที่ไม่สามารถใช้ร่วมกับกาวประเภทตัวทำละลาย (solvent) หรือ ทินเนอร์ ฉะนั้น ไม่มีผลในเรื่องสุขภาพของผู้บริโภค ปลอดภัย 100% อย่างไรก็ดี การลดการใช้ถุงพลาสติก หรือการใช้แก้วแบบพกพา ทำให้ผู้บริโภคหันมาสนใจสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ขณะที่ภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน จึงมองเห็นเป็นโอกาสและเชื่อว่าจะทำให้บริษัทสามารถเติบโตไปด้วย

    ทั้งนี้พี.เอส.โมลดิ้ง ถือเป็นผู้บุกเบิกสินค้าประเภทตกแต่งบ้านที่ทำจากวัสดุทดแทนไม้ เมื่อปี 2547 โดยเริ่มต้นจากการทำกรอบรูป ก่อนจะดัดแปลงและพัฒนาจนเป็นสินค้าตกแต่งบ้าน และเริ่มตั้งโรงงานแห่งแรกในปี 2555 โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ พร้อมเครื่องจักรอีก 8 ตัว มีกำลังการผลิต 150-250 ตู้คอนเทนเนอร์ต่อปี เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคและเทรนด์ตลาดที่หันมาใส่ใจและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์รักษ์โลกมากขึ้น

ปรมัตถ์ เรืองคณะ

“ด้วยความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมและเป็นผู้ริเริ่มความคิดในการนำพลาสติกที่ไม่สามารถย่อยสลายได้นั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ กว่า 15 ปี เป็นเจ้าแรกที่ผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภทตกแต่งบ้านที่ทำจากวัสดุทดแทนไม้ เช่น พลาสติกชนิดโพลีสไตรีนและโฟมที่ย่อยสลายยากมาเป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้อายุของสินค้าของเราใช้งานได้นานเท่ากับพลาสติกลดขยะได้ถึง 2 แสนกิโลกรัมต่อเดือน”

 

    โดยในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ผลิตสินค้าสำหรับตกแต่งภายนอกขึ้น ด้วยนวัตกรรม UV COATING เป็นเรื่องของสีที่สามารถทนแดดได้ ทำให้มีสินค้าครอบคลุมทั้งบ้านกว่า 80 ประเภท ที่จำหน่ายผ่านร้านค้าวัสดุก่อสร้างขนาดย่อมกว่า 800 ร้านค้า และร้านค้าใหญ่กว่า 40 ร้านทั่วประเทศ อาทิ โฮมมาร์ท SCG ไทวัสดุ เป็นต้น ด้วยจุดเด่นที่ราคาสินค้าจะถูกกว่าไม้แท้ 10-15%

นายปรมัตถ์ กล่าวอีกว่า ด้านกลยุทธ์การทำตลาด บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม GEN X และ GEN Y ซึ่งมีสัดส่วนราว 20% จากกลุ่มลูกค้าประเภทช่าง เพราะลูกค้ากลุ่มนี้เป็นผู้บริโภคที่เริ่มใส่ใจในการตกแต่งหรือออกแบบบ้านด้วยตัวเอง ทำให้โอกาสในการขยายฐานลูกค้าและมีแนวโน้มในการขายที่สูงขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนขยายตลาดในประเทศเพื่อนบ้าน คือ เวียดนาม ซึ่งที่ผ่านมามีสถาปนิกสนใจติดต่อเข้ามา ขณะเดียวกันยังมีแผนขยายไปยังประเทศอื่นๆ ด้วย

สำหรับภาพรวมตลาดสินค้าเฟอร์นิเจอร์กับสินค้าตกแต่งบ้านในเมืองไทยในปี 2561 มีมูลค่ารวมประมาณ 8 หมื่นล้านบาท เติบโต 4-6% ต่อปี สำหรับผลประกอบการของพี.เอส. โมลดิ้ง ในปี 2562 คาดว่าจะมีการเติบโตราว 20%

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,538 วันที่ 9-11 มกราคม 2563 หน้า 31-32

https://www.thansettakij.com/content/business/418384?utm_source=slide_topnews&utm_medium=internal_referral